วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2557

สิ่งมหัศจรรย์ ของโลก ยุคใหม่




 Chichén ItzáMexico

1. เมืองโบราณซีเชน อิตซา ของชนเผ่ามายา ในเขตยูคาทาน เม็กซิโก

ชิเชน อิตซา ตั้งอยู่ที่คาบสมุทรยูคาทาน ประเทศเม็กซิโก เป็นเมืองศูนย์กลางทางวัฒนธรรมของเผ่ามายา ตัววิหารที่สร้างถวายแด่เทพเจ้าของชนเผ่ามายาสร้างอยู่บนเนื้อที่กว่า 6.4 ตรารางกิโลเมตร มีลักษณะเป็นปีระมิดเป็นชั้นลดหลั่นลงมา และมีบันไดอยู่ตรงกลาง บนยอดเป็นแท่นบูชาสำหรับทำพิธีกรรมสังเวยแด่เทพเจ้าชนเผ่ามายาได้ชื่อว่าเป็นเผ่าที่มีความป่าเถื่อนในการบูชายันมนุษย์ แต่ก็ได้ชื่อว่ามีความเจริญทางภาษาและความรู้ทางคณิตศาสตร์และดาราศาสตร์ โดยมีการสร้างปฏิทินมายาขึ้นโดยกำหนดให้ 1 ปี มี 18 เดือนและแต่ละเดือนมี 20 วัน ดังนั้น 1 ปีของชาวมายาจึงมี 360 วันและมีการเพิ่มวันที่ไม่ขึ้นกับเดือนใดเข้าไปอีก 5 วัน แม้จะมีความรู้ถึงเพียงนี้แต่พวกนี้กลับไม่ค้นพบการประดิษฐ์ล้อแต่อย่างใด








Christ Redeemer, Brazil


2. รูปปั้นพระเยซูคริสต์ หรือคริสต์ รีดีมเมอร์ บนยอดเขาในนครริโอ เดอ จาเนโร ของบราซิล

รูปปั้นพระเยซูคริสต์ ตั้งอยู่บนยอดเขาโคคาวาดู ( Cocarvado ) กรุงริโอ เดอ จาเนโร ( Rio de Janero ) ประเทศบราซิล มีความสูงราว 38 เมตร สร้างในปีค.ศ. 1921ได้รับการออกแบบโดยไฮตอร์ ดา ซิลวา กอสตา( Heitor da Silva Costa ) ชาวบราซิล และสร้างโดยพอล ลันดอฟสกี ( Paul Landowski ) ประติมากรชาวฝรั่งเศสเชื้อสายโปแลนด์ ใช้เวลาในการสร้าง 5 ปี โดยทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ตุลาคม 1926 ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปยังฐานของรูปปั้นเพื่อชมทิวทัศน์ของเมืองริโอ เดอ จาเนโรได้








The Great WallChina 


3.กำแพงเมืองจีน (ติดโผครั้งที่ 2 จากยุคกลาง)

กำแพงเมืองจีน หรือ กำแพงหมื่นลี้ สร้างในสมัยของพระเจ้าจิ๋นซีฮ่องเต้ เพื่อป้องกันการรุกรานจากพวกมองโกล และพวกเติร์ก และได้มีการสร้างกำแพงต่ออีก 4 ครั้งใหญ่ๆโดยส่วนใหญ่ถูกสร้างในสมัยราชวงศ์หมิง แต่ก็ถูเผ่าเร่ร่อนจากมองโกเลียและแมนจูเรียบุกข้ามกำแพงเมืองจีนได้สำเร็จ กำแพงเมืองจีนเป็นกำแพงที่กั้นระหว่างพรมแดนจีนกับธิเบต มีความสูงจากพื้นดิน 20 - 30 ฟุต กว้าง 15 - 20 ฟุต ยาวประมาณ 2,400 กิโลเมตร กำแพงก่อด้วยดิน หินและอิฐ โดยทุกๆ 200 เมตรจะมีหอตรวจการอยู่ และมีระฆังแขวนอยู่ทุกหอรวมไม่ตำกว่า 20,000 หอ ระหว่างการก่อสร้างมีผู้เสียชีวิตนับหมื่นคนและศพของผู้เสียชีวิตก็ถูกผังอยู่ในกำแพงนั่นเองกำแพงเมืองจีนเป็นสิ่งก่อสร้างของมนุษย์ที่สามารถมองเห็นได้จากดวงจันทร์ ปัจจุบันกำแพงเมืองจีนส่วนที่เหลืออยู่สร้างในสมัยราชวงศ์หมิงทั้งสิ้น กำแพงเมืองจีนถูกจัดเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลางด้วย







Machu PicchuPeru

4. เมืองโบราณมาชูปิกชู ของชนเผ่าอินคา ในเปรู


มาชู พิคชู หรือนครสาบสูญแห่งอินคา ( The Lost City of the Incas ) เป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่บนภูเขาในประเทศเปรู อยู่สูงจากระดับนำทะเลถึง 2,350 เมตร มาชู พิคชูสร้างโดยจักรวรรดิ์อินคา และถูกทิ้งร่างเมื่ออินคาพ่ายแพ้แก่ชาวสเปน จนกระทั่งถูกค้นพบโดยนักสำรวจชาวอเมริกันชื่อ ฮิราม บิงแฮม ( Hiram Bingham ) ในปีค.ศ. 1911








PetraJordan

5. เมืองโบราณเพตรา ในจอร์แดน

นครเพตรา เป็นนครที่แกะสลักลงบนหุบเขาใกล้ทะเลสาบเดดซี( Dead sea ) และอ่าวอัคบา ( Gulf of Aqaba ) เมืองเพตราถูกสร้างโดยชาวบานาเทียน ( Nabataeans ) ซึ่งเป็นชนเผ่าเร่ร่อนกลางทะเลทรายอาหรับ ซึ่งได้สกัดหน้าผาหินทรายให้เป็นบ้านเรือนสำหรับพักอาศัย และได้เปลี่ยนจากอาชีพเลี้ยงแกะมาเป็นพ่อค้าและรับคุ้มครองกองคาราวาน ทำให้เพตราเป็นศูนย์กลางการค้าขนาดใหญ่มีพ่อค้าชาวกรีกได้อธิบายถึงความมั่งคั่งของเพตราว่าเป็นตลาดที่สำคัญที่สุดของชาวอาหรับ เปตราเจริญถึงขีดสูงสุดในช่วง 50 ปีก่อนคริสตกาล จนถึงคริสตศักราชที่ 70 ในช่วงเวลานี้เปตราถูกปกครองด้วยกษัตริย์นาม อารีตัสที่ 4 ( Aretas IV ) ผู้ที่ชาวกรีกยกย่องว่า ฟิโลเดมอส ( Philodemos ) ซึ่งแปลว่า ผู้รักประชาชน เพตราเริ่มเสียอำนาจเมื่อมีเส้นทางการค้าที่สะดวกและปลอดภัยกว่าเกิดขึ้น จนกระทั่งปีค.ศ. 106 เพตราถูกผนวกเข้ากับอาณาจักรโรมัน จนคริสตศตวรรษที่ 5 เพตรากลายเป็นที่ตั้งของมณฑลของบิชอบ และถูกมุสลิมยึดครองในครสตศตวรรษที่ 7 และค่อยๆเสื่อมลงจนหายไปจากประวัติศาสตร์ จนกระทั่งถูกค้นพบโดย 
นักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์ โจฮันน์ ลุควิก เบิร์กฮาร์ท ( Johann Ludwig Burckhardt ) ในปีค.ศ. 1812 เพตราจึงได้ปรากฏโฉมต่อชาวโลกอีกครั้ง









The Roman Colloseum, Italy (ติดโผครั้งที่ 2 จากยุคกลาง)

6. สนามกีฬาโคลอสเซียมในกรุงโรมของอิตาลี

โคลอสเซียม เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ในกรุงโรม สร้างในสมัยจักรพรรดิ์เวสปาเชียน ( Emperor Vespasian ) แห่งอาณาจักรโรมันและสร้างเสร็จในสมัยของจักรพรรดิไตตัส ( Titus ) ในคริสตศตวรรษที่ 1 โคลอสเซียมมีลักษณะเป็นอัฒจันทร์รูปวงกลมก่อด้วยหินทรายและอิฐวัดโดยรอบประมาณ 527 เมตร สูง 57 เมตร จุคนได้ประมาณ 80,000 คน มีห้องสำหรับขังทาส นักโทษ และสัตว์ดุร้าย เช่น สิงโต เสือ โดยจะให้ทาสสู้กันเองจนกว่าจะเหลือผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจึงจะได้รับอิสระภาพ หรือ ให้นักโทษสู้กับสิงโตที่หิวโซเนื่องจากถูกจับอดอาหาร ในแต่ละปีมีนักโทษและทาสตายไม่ต่ำกว่า 100 คน 
โคลอสเซียมถูกจัดเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลางด้วย








The Taj MahalIndia


7. ทัชมาฮาล ในเมืองอักรา ประเทศอินเดีย

ทัชมาฮาล สร้างโดยจักรพรรดิ์ชาห์ เจฮัน ( Emperor Shah Jahan ) เพื่อเป็นอนุสรณืแห่งความรักแด่พระมเหสีมุมทัช มาฮาล ( Mumtaz Mahal ) ทัชมาฮาลสร้างขึ้นระหว่างสร้างระหว่าง ค.ศ.1630-1648 ณ สวนริมผั่งแม่นำยมนา เมืองอัครา ออกแบบโดยอุสตาด ไอสา (Ustad lsa)สร้างด้วยหินอ่อนสีขาวจากเมืองมะครานา หินอ่อนสีแดงจากเมืองฟาตีบุระ หินอ่อนสีเหลืองจากฝั่งแม่น้ำนรภัทฑ์ เพชรตาแมวจากกรุงแบกแดด ปะการัง และ หอยมุกจากมหาสมุทรอินเดีย หินเจียระไนสีฟ้าจากเกาะลังขะ เพชรจากเมืองบนทลขัณฑ์ ทัชมาฮาลได้รับการรับรองจากสถาปิกทั่วโลกว่าสร้างได้ถูกสัดส่วน และงดงามที่สุด กว้างยาวด้านละ 100 เมตร ตรงกลางมีโดมสูง 60 เมตร มีหอสูงมีโดมอยู่บนรอบทั้ง 4 มุม ภายใต้โดมใหญ่มีโลงหินอ่อนประดับด้วยอัญมณีมากมายบรรจุอยู่ แต่โลงพระศพจริงๆอยู่ในอุโมงค์ข้างใต้โลงหินนั้น
 เดิมชาห์ เจฮันตั้งพระทัยจะสร้างสุสานสำหรับพระองค์เองที่อีกฝั่งของแม่น้ำยมนา โดยสร้างให้เหมือนกับทัชมาฮาลแต่สร้างด้วยหินอ่อนสีดำ แต่ถูกพระโอรสจับพระองค์ขังอยู่ 7 ปีจึงสิ้นพระชนม์ และพระศพของพรองค์ถูกฝังอยู่เคียงข้างมิ่งมเหสีสุดที่รักนั่นเอง ส่วนอุสตาด ไอสาสถาปนิกผู้ออกแบบก็ถูกชาห์ เจฮันสั่งประหารเนื่องจากไม่ต้องการให้ออกแบบสถาปัตยกรรมใดๆที่สวยกว่าทัชมาฮาลได้



ที่มา...http://members.tripod.com/com_sk/age1.htm          http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=skypream&month=03-             2009&date=07&group=6&gblog=39          http://m.exteen.com/blog/clver4leaf/read/1246530


วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557

10 เมืองน่าเที่ยวที่สุดในโลก ประจำปี 2014



1. กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

10 เมืองน่าเที่ยวที่สุดในโลก ประจำปี 2014

โลนลี่ แพลนเน็ต” ระบุว่า ปัจจุบันเมืองสวยที่สุดในโลกอย่าง กรุงปารีส ได้ถูกแปลงโฉมใหม่ให้สวยงามยิ่งขึ้น หลังทางการเดินหน้าลดความแออัดของรถยนต์ ด้วยการรณรงค์ให้ประชาชนหันมาใช้บริการระบบขนส่งมวลชน และรถจักรยาน ทั้งยังเปลี่ยนถนนเลียบแม่น้ำแซนฝั่งขวาระยะทาง 1.5 กิโลเมตร ให้เป็นทางเดิน และเลนรถจักรยาน ส่วนถนนเลียบแม่น้ำฝั่งซ้าย นับตั้งแต่สะพานอัลม่าไปจนถึงพิพิธภัณฑ์ออร์แซ (ระยะทาง 2.5  กิโลเมตร) ถูกกำหนดให้เป็นเขตปลอดรถยนต์ พร้อมทั้งเปลี่ยนถนนให้กลายเป็นทางเดิน และพัฒนาพื้นที่โดยรอบให้เป็นสวนลอยน้ำ สนามกีฬา มุมพักผ่อนหย่อนใจ ฯลฯ
นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ยังเปิดแกลลอรี่ศิลปะอิสลามใหม่ ซึ่งอยู่ภายใต้หลังคารูปพรมวิเศษสีทอง แถมระฆังที่มหาวิหารนอตเตอร์ดัมยังกลับมาดังอีกครั้ง ด้วยท่วงทำนองเดิมๆ เหมือนที่เคยดังก่อนปี 1789  (พ.ศ. 2332) หลังได้รับการติดตั้งระฆังใหม่ 9 ลูก เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ที่สำคัญพิพิธภัณฑ์ปิกัสโซ่ จะเปิดให้บริการใหม่อีกครั้ง ในปีหน้าหลังปิดปรับปรุงมานานหลายปี




2. เมืองตรินิแดด จังหวัดซังตีสปีรีตุส  ประเทศคิวบา

10 เมืองน่าเที่ยวที่สุดในโลก ประจำปี 2014

เมืองเล็กๆ ที่ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกแห่งนี้ กำลังจะครบรอบ 500 ปี ของการก่อตั้งเมืองในปีหน้า ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีงานเฉลิมฉลอง และกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรมให้เที่ยวชมภายใต้บรรยากาศแบบย้อนยุค เพราะแม้จะก่อตั้งมานานเกือบ 5 ศตวรรษ แต่วิถีชีวิตและสภาพบ้านเมืองของตรินิแดด ยังคงมนต์เสน่ห์ในแบบเดิมๆ ราวกับหยุดเวลาเอาไว้ ส่วนอาคารเก่าแก่ที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น และตกแต่งอย่างหรูหราด้วย เพดานสไตล์มูเดจาร์,กระเบื้องเคลือบจากประเทศฝรั่งเศส และพื้นหินอ่อนจากอิตาลี ล้วนเป็นผลมาจากความมั่งคั่งในยุคที่อุตสาหกรรมน้ำตาลกำลังเฟื่องฟู (สมัยศตวรรษที่ 19) ทั้งสิ้น




3. เมืองเคปทาวน์ สาธารณรัฐแอฟริกาใต้

10 เมือง น่าเที่ยวที่สุดในโลก ประจำปี 2014

ที่ผ่านมา เคปทาวน์ มักกวาดรางวัลด้านความสวยงามทางธรรมชาติ แต่ล่าสุด เมืองเคปทาวน์ได้รับเลือกให้เป็นเมืองหลวงแห่งการออกแบบของโลก ประจำปี 2014 เมืองนี้มีพื้นที่สีเขียวที่ได้รับการออกแบบอย่างสวยงาม แถมโครงการต่างๆ ยังถูกพัฒนาให้เป็นแบบยั่งยืน ที่น่าทึ่งก็คือ การฟื้นฟูย่านอุตสาหกรรมเก่าสุดเสื่อมโทรมอย่าง ‘วู้ดสต็อก’ ให้เป็นย่านธุรกิจสุดอินเทรนด์ และที่น่าจับตา ก็ตือ การพัฒนาย่านอีสต์ซิตี้ให้เป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมของ เมืองเคปทาวน์ ภายใต้ชื่อใหม่ ’เดอะ ฟรินจ์’ นอกจากนี้ เคปทาวน์ยังมีร้านค้า ร้านอาหารให้เลือกช้อป และชิมมากมาย แต่ถ้าอยากนั่งรถเที่ยวรอบเมือง ที่นี่ก็มีรถเมล์แดง 2 ชั้น สุดเก๋ไว้คอยบริการ โดยรถจะวิ่งวนรอบเมืองทุกๆ 15 นาที  (มี 18 ป้ายรถเมล์) ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถซื้อเลือกตั๋วได้ทั้งแบบ 1 วันหรือ 2 วัน




4. เมืองริกา ประเทศลัตเวีย

10 เมือง น่าเที่ยวที่สุดในโลก ประจำปี 2014

ริกา เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดในกลุ่มรัฐบอลติก ทั้งยังเป็นศูนย์กลางด้านวัฒนธรรม การศึกษา การเมืองการปกครอง ธุรกรรม พาณิชยกรรม และอุตสาหกรรมในภูมิภาคนี้ ที่สำคัญ ย่านเมืองเก่าหรือศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของเมืองริกา ซึ่งถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ยังเต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่ ทั้งที่เป็นอาคารไม้สไตล์นีโอคลาสสิกและอาคารที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบอาร์ตนูโว นอกจากนี้  ริกายังได้รับเลือกให้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรป ประจำปี 2014 อีกด้วย




5.เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

10 เมือง น่าเที่ยวที่สุดในโลก ประจำปี 2014

สวิตเซอร์แลนด์ เป็นดินแดนในฝันที่หลายคนอยากไปเยือน (หรืออยากกลับไปอีก) เนื่องจากเป็นประเทศที่มีทัศนียภาพงดงามและอากาศดี ติดตรงที่ค่าใช้จ่ายสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘เมืองซูริค… ในเดือนสิงหาคมปีหน้า ซูริคจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกรีฑาชิงแชมป์ยุโรป ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีนักกรีฑา ตลอดจนเหล่าบรรดากองเชียร์เดินทางมาเยือนเมืองนี้มากมาย และสถานที่สุดอินเทรนด์ที่นักท่องราตรีห้ามพลาด ก็คือย่านซูริค-เวสต์ ซึ่งเป็นเขตอุตสาหกรรมเก่า ที่ปัจจุบันเต็มไปด้วยคลับ บาร์ ร้านค้า ร้านอาหาร ฯลฯ หลังทางการปลดล็อคเวลาปิดของสถานบันเทิงในย่านนี้ ซูริคก็กลายเป็นอีกหนึ่งเมืองสวรรค์ของนักท่องราตรี และเป็นเมืองปาร์ตี้ของยุโรป




6. เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน

10 เมือง น่าเที่ยวที่สุดในโลก ประจำปี 2014

โลนลี่ แพลนเน็ต” กล่าวว่า หากเปรียบประเทศจีนเป็นมอเตอร์ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโลก เซี่ยงไฮ้ ก็คือ เครื่องยนต์ V8 อันทรงพลังของจีน ทั้งนี้เพราะเซี่ยงไฮ้ซึ่งเคยมีโครงข่ายระบบรถไฟความเร็วสูงเพียง 3 สายในปี 2000 กำลังจะเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูงสายที่ 16 ระยะทาง 59 กิโลเมตรในปีหน้า (ระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูงใน เมืองเซี่ยงไฮ้ ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และเติบโตเร็วที่สุดในโลก ทั้งยังมีระยะทางยาวเป็นอันดับ 3 ของโลก) นอกจากนี้ (ว่าที่) ตึกสูงที่สุดในประเทศจีน และสูงเป็นอันดับสองของโลก ’เซี่ยงไฮ้ทาวเวอร์’ ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ในย่านหลูเจียซุย ด้วยความสูง 121 ชั้น ก็กำลังจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปีหน้า และจะเป็นที่ตั้งของโรงแรมสูงที่สุดในโลกแห่งใหม่ ที่สำคัญ ทางการเซี่ยงไฮ้ยังเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติจาก 45 ประเทศ (ซึ่งไม่มีพี่ไทยอยู่ในโผ) เข้ามาท่องเที่ยวในเมืองของตนได้นาน 72 ชั่วโมง โดยไม่ต้องมีวีซ่า




7. เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา

10 เมือง น่าเที่ยวที่สุดในโลก ประจำปี 2014

แวนคูเวอร์ เป็นเมืองท่าสำคัญ และยังเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของรัฐบริติชโคลัมเบีย เห็นเป็นเมืองใหญ่ที่มีประชากรหนาแน่น และเต็มไปด้วยอาคารสูงอย่างนี้ แต่ที่นี่ก็รายล้อมด้วยธรรมชาติอันงดงามไม่ว่าจะเป็น ภูเขา แม่น้ำ ทะเลสาบ สวนสาธารณะอันเขียวชอุ่ม และหาดทรายมากมายหลายแห่ง จึงนับว่าเป็นสวรรค์ของผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง และกีฬาทางน้ำอย่างแท้จริง




8. เมืองชิคาโก สหรัฐอเมริกา

10 เมือง น่าเที่ยวที่สุดในโลก ประจำปี 2014

ชิคาโก เป็นเมืองแห่งสถาปัตยกรรมที่เต็มไปด้วยตึกระฟ้า ทั้งยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ระดับเวิลด์คลาส แต่ที่ห้ามพลาด ก็คือ การเข้าไปเชียร์กีฬาเบสบอลที่สนามริกลีย์ ฟิลด์ ซึ่งจะครบรอบ 100 ปีในปีหน้า และจะมีการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองตลอดฤดูกาลแข่งขัน ส่วนคนที่ไม่ใช่คอกีฬา ขอแนะนำให้ไปดูการแสดงตลกที่คลับ และโรงละคร “เดอะ เซคเคินด์ ซิตี้” ซึ่งจะครบรอบ 55 ปีในปีหน้าเช่นกัน
สำหรับ คนที่ชื่นชอบดนตรีขอแนะนำให้ไปเยือน ชิคาโก ในช่วงซัมเมอร์ เพราะในเดือนมิถุนายนของทุกปี จะมีการจัดเทศกาลดนตรี “ชิคาโด บลูส์ เฟสติวัล” ให้คนรักเสียงเพลงดื่มด่ำกับเพลงโซล บลูส์ และแจ๊สแบบ 3 วันเต็มๆ แต่ถ้าชอบดนตรีแบบหนักๆ อย่างอัลเทอร์เนทีฟ ร็อค, เฮฟวี่ เมทัล, พังค์ร็อค, ฮิพฮอพ หรือเพลงมันส์ๆ ประเภทแดนซ์กระจายก็ต้องไปชมเทศกาลดนตรี  ”ลัลลาปาลูซ่า” และ “พิทช์ฟอร์ค” ซึ่งจะจัดขึ้น 3 วันในช่วงเดือนกรกฎาคมของทุกปี นอกจากนี้ ยังมีเทศกาลดนตรีน้องใหม่อย่าง “เวฟฟร้อนซ์ มิวสิค เฟสติวัล” ที่จัดขึ้นริมชายหาดแบบ 3 วันเต็มในเดือนกรกฎาคม เพื่อเอาใจขาแดนซ์โดยเฉพาะ ตลอดจนเทศกาลดนตรี “ไรออท เฟส” ซึ่งเน้นดนตรีแนวพังค์ ร็อค อัลเทอร์เนทีฟ ฮาร์ดคอร์ ฯลฯ ให้สาวกเพลงร็อคเมามันส์กันอย่างสุดเหวี่ยงตลอด 3 วันเต็มในเดือนกันยายน




9. เมืองแอดิเลด ประเทศออสเตรเลีย

10 เมือง น่าเที่ยวที่สุดในโลก ประจำปี 2014

เชื่อว่าหลายคนอาจไม่คุ้นหูนักเมื่อได้ยินชื่อเมือง แอดิเลด เพราะเมื่อพูดถึงออสเตรเลียคนส่วนใหญ่ มักนึกถึงเมืองที่ใหญ่ และมีชื่อเสียงมากกว่าอย่าง เมลเบิร์น และซิดนีย์ ทั้งๆ ที่เมืองนี้ได้รับยกย่องว่า เป็นเมืองน่าอยู่ที่สุดในออสเตรเลีย ติดต่อกัน 3 ปีซ้อน และยังเคยติด 1 ใน 10 เมืองน่าอยู่ที่สุดในโลก ประจำปี 2010 ตามโผของ ‘ดิ อีโคโนมิสต์’ อีกด้วย
แอดิเลด เป็นเมืองหลวง และเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของรัฐเซาท์ออสเตรเลีย ทั้งยังมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของออสเตรเลียอีกด้วย นอกจากนี้ แอดิเลดยังเป็นสถานที่จัดกิจกรรมสำคัญๆ ทางด้านกีฬาและศิลปะ อาทิ แอดิเลด เฟสติวัล ซึ่งเป็นเทศกาลด้านศิลปะระดับโลก ที่รวบรวมศิลปะหลายแขนงมาจัดแสดงในงาน เดียว, แอดิเลด ฟรินจ์ เฟสติวัล ซึ่งเป็นเทศกาลศิลปะประจำปี ที่จัดขึ้นติดต่อกัน 24 วัน 24 คืน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ตลอดจนงาน WOMADelaide (World of Music, Arts & Dance) ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 7-10 มีนาคมในปีหน้า ที่สำคัญ สนามกีฬาขนาดใหญ่ ‘แอดิเลด โอวัล’ ที่ปิดปรับปรุงด้วยงบประมาณจำนวนมหาศาล จะได้ฤกษ์เปิดใช้บริการอีกครั้งในปีหน้า ในฐานะสนามประจำทีมฟุตบอลแอดิเลด และพอร์ต แอดิเลด




10. เมืองโอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์

10 เมือง น่าเที่ยวที่สุดในโลก ประจำปี 2014

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักมุ่งหน้าไปยังเกาะใต้ เพื่อชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามของเทือกเขา ทะเลสาบ ท่องเที่ยวแนวผจญภัย เล่นบันจี้จัมพ์ และประกอบกิจกรรมกลางแจ้ง ทั้งๆ ที่ โอ๊คแลนด์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ และมีความเป็นสากลมากที่สุดของนิวซีแลนด์ ก็มีความโดดเด่นและน่าสนใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านอาหาร ศิลปะ และการออกกินลมชมวิวตามแนวชายฝั่ง ที่ผ่านมา โอ๊คแลนด์มีแหล่งรับประทานอาหารแห่งใหม่ๆ ผุดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และที่กำลังฮอตฮิตสุดอินเทรนด์ ก็คือ ศูนย์รวมร้านอาหารสุดฮิพอย่าง ‘ซิตี้ เวิร์คส ดีโป้’  ส่วนผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะไม่ควรพลาดการไปเยือน ‘โอ๊คแลนด์ อาร์ต แกลเลอรี่’ ซึ่งนอกจากภายในจะมีผลงานศิลปะมากมาย ให้ชื่นชมแล้ว ตัวอาคารก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะเป็นอาคารเก่าแก่ที่ถูกตกแต่ง ต่อเติม และแปลงโฉมใหม่ จนได้รับเลือกให้เป็น เวิลด์ บิลดิ้ง ออฟ เดอะ เยียร์’ ประจำปี 2013 ในหมวดอาคารด้านวัฒนธรรม

ข้อมูลและภาพ : lonely planet / paow007.wordpress.com
เรียบเรียงโดย Travel MThai

วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557

บทสวดมนต์ก่อนนอน



บทสวดมนต์ก่อนนอน สำหรับฝึกจิต สร้างสมาธิ ก่อนนอน แนะนำ อ่าน  บทสวดมนต์ก่อนนอนที่ถูกต้อง บทสวดมนต์ก่อนนอนสั้น ๆ สร้างสมาธิ เพื่อจิตใจที่ผ่องใสก่อนนอน 


          บทสวดมนต์ไม่ว่าบทใดก็มีอานุภาพในตัวเองมากมายหลายประการ นอกจากจะสอดแทรกแง่คิดดี ๆ ในการดำรงชีวิตแล้ว หากผู้สวดสามารถตั้งจิตให้จดจ่อแน่วได้ การกระทำดังกล่าวย่อมส่งผลดีในเรื่องของสมาธิ ปัญญา ที่ช่วยให้ผู้สวดสามารถพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างละเอียดรอบคอบและใจเย็นมากยิ่งขึ้น

          สำหรับผู้ที่กำลังมองหาบทสวดมนต์ก่อนนอน วันนี้เรามีข้อมูลมาฝากแล้วค่ะ ถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มกันเลยนะคะ ก่อนอื่นใช้สองมือประนมแล้วทำจิตให้สงบ จากนั้นให้ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงค์ หรือตั้งจิตตามแต่บทสวดมนต์ ดังนี้

 บทสวดมนต์ก่อนนอน  

          อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ 1 ครั้ง)

          สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ 1 ครั้ง)

          สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ (กราบ 1 ครั้ง)

          พุทธะบูชา มะหาเตชะวันโต
          ข้าพเจ้าขอบูชาพระพุทธ ขอให้ข้าพเจ้ามีเดชเดชะ

          ธัมมะบูชา มะหาปัญญะวันโต
          ข้าพเจ้าขอบูชาพระธรรม ขอให้ข้าพเจ้ามีปัญญาอันยิ่งใหญ่

          สังฆะบูชา มะหาโภคะวะโห
          ข้าพเจ้าขอบูชาพระสงฆ์ ขอให้ข้าพเจ้าอุดมด้วยอริยสมบัติ

          ติโลกะนาถัง ระตะนัตตะยัง อะภิปูชะยามิ
          ข้าพเจ้าขอบูชาพระรัตนตรัย ซึ่งเป็นที่พึ่งของโลกทั้งสาม (31 ภพภูมิ)

          วันทามิเจติยัง สัพพัง สัพพัฏฐาเน สุปติฏฐิตัง สารีริกะธาตุ
          ขอบูชากราบไหว้พระสถูปซึ่งประดิษฐานพระบรมสารีริกะธาตุตามที่ต่าง ๆ

          มะหาโพธิง ชินะโยจะ พุทธะรูปัง สะกะลังสะทา
          ขอบูชากราบไหว้พระพุทธรูปทุกพระองค์และต้นพระศรีมหาโพธิ์ซึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้


 บทสวดมนต์บูชาพระภูมิเจ้าที่  

          ทิสาทิโส เอหิภูมิโม อมมะภูมิมา อาคัจฉันตุ
          ข้าพเจ้าขอสักการะบูชาพระภูมิเจ้าที่พระแม่ธรณีและพระแม่คงคา ทุกทิศทุกทางทั่วสากลภิภพ


 บทสวดมนต์ผูกมิตรกับมนุษย์ เทวดา และสัตว์ทั้งปวง  

          มนุสสานัง สะหะยัง ปิโยเทวา สีหะราชา เอหิจิตตัง ปิยังมะมะ
          ขอมนุษย์ทั้งหลายองค์เทพเทวาทั้งหลาย สัตว์ใหญ่น้อยทั้งหลายจงมีจิตที่เป็นมิตรสามัคคีกับข้าพเจ้าด้วยเทอญ 


 บทสวดมนต์แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทุกเวลาทุกสถานที่  

          สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ
          สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย จงอย่ามีเวรซึ่งกันและกันเลย

          สุขี โหนตุ
          จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด

          อัพพะยาปัชฌา โหนตุ
          จงอย่าพยาบาทเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย

          อะนีฆา โหนตุ
          จงอย่ามีความลำบาก จงอย่ามีความเดือดร้อน จงอย่ามีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย


 บทสวดมนต์แผ่เมตตาให้ตนเอง  

          อะหัง สุขิโต โหมิ
          ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข

          อะหัง นิททุกโข โหมิ
          ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์

          อะหัง อะเวโร โหมิ
          ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร

          อะหัง อัพพะยาปัชโฌ โหมิ
          ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง

          สุขี อัตตานัง ปริหะรามิ
          ขอให้ข้าพเจ้าจงมีสติสัมปชัญญะอยู่ทุกเมื่อ รักษากาย วาจา ใจ ให้พ้นจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด

          ทั้งนี้ การสวดมนต์ไม่มีถูก ไม่มีผิด ดังนั้นจึงไม่ต้องคำนึงว่า บทสวดมนต์ก่อนนอนที่ถูกต้องจะเป็นอย่างไร ส่วนผู้ที่อยากได้บทสวดมนต์ก่อนนอนสั้น ๆ หรือบทสวดมนต์ก่อนนอนแบบย่อ เนื่องจากมีเวลาจำกัด ก็อาจเลือกสวดเพียงบางบทจากหัวข้อทั้งหมดที่นำเสนอในข้างต้นนี้ได้ทันที

          อย่างไรก็ตาม บทสวดมนต์ดังกล่าว ยังสามารถนำมาสวดในช่วงเช้าได้อีกด้วย ดังนั้นใครที่อยากทำจิตใจให้สงบ ผ่องใส เพื่อรับมือกับเช้าวันใหม่ด้วยสิ่งดี ๆ ก่อนออกจากบ้าน ก็ลองนำบทสวดมนต์ดังกล่าวไปใช้กันดูนะคะ


ที่มา...http://hilight.kapook.com/view/86686

วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2557

การนั่งสมาธิ

วิธีการฝึกสมาธิเบื้องต้น

    สมาธิ คือ ความสงบ สบาย และความรู้สึกเป็นสุขอย่างยิ่งที่มนุษย์สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยตนเอง เป็นสิ่งที่พระพุทธศาสนากำหนดเอาไว้เป็นข้อควรปฏิบัติ เพื่อการดำรงชีวิตประจำวันอย่างเป็นสุข ไม่ประมาท เต็มไปด้วยสติสัมปชัญญะ และปัญญา อันเป็นเรื่องไม่เหลือวิสัย ทุกคนสามารถปฏิบัติได้ง่ายๆ ดังวิธีปฏิบัติที่พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ได้เมตตาสั่งสอนไว้ดังนี้
การนั่งสมาธิ การสอนสมาธิสมัยหลวงปู่วัดปากน้ำฯ
การนั่งสมาธิ

การนั่งสมาธิเบื้องต้น


      1.กราบบูชาพระรัตนตรัย เป็นการเตรียมตัวเตรียมใจให้นุ่มนวลไว้เป็นเบื้องต้น แล้วสมาทานศีลห้า หรือศีลแปด เพื่อย้ำความมั่นคงในคุณธรรมของตนเอง
      2.คุกเข่าหรือนั่งพับเพียบสบายๆ ระลึกถึงความดีที่ได้กระทำไว้ดีแล้วในวันนี้ ในอดีต และที่จะตั้งใจทำต่อไปในอนาคต จนราวกับว่า ร่างกายทั้งหมดประกอบขึ้นด้วยธาตุแห่งคุณงามความดีล้วนๆ
      3.นั่งขัดสมาธิ เท้าขวาทับเท้าซ้าย มือขวาทับมือซ้าย นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย นั่งให้อยู่ในท่าที่พอดี ไม่ฝืนร่างกายมากจนเกินไป ไม่ถึงกับเกร็ง แต่อย่าให้หลังโค้งงอ หลับตาพอสบายคล้ายกับกำลังพักผ่อน ไม่บีบกล้ามเนื้อตาหรือขมวดคิ้ว แล้วตั้งใจมั่น วางอารมณ์สบาย สร้างความรู้สึกให้พร้อมทั้งกายและใจว่า กำลังเข้าไปสู่สภาวะแห่งความสงบ สบายอย่างยิ่ง
       4.นึกกำหนดนิมิต เป็น ดวงกลมใส ขนาดเท่าแก้วตาดำ ใสบริสุทธิ์ ปราศจากรอยตำหนิใดๆ ขาวใส เย็นตา เย็นใจ ดังประกายของดวงดาว การนั่งสมาธิดวงแก้วกลมใสนี้เรียกว่า บริกรรมนิมิต นึกสบายๆ นึกเหมือนดวงแก้วนั้นมานิ่งสนิทอยู่ ณ ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ด นึกไปภาวนาไปอย่างนุ่มนวล เป็นพุทธานุสติว่า สัมมา อะระหัง หรือค่อยๆน้อมนึกดวงแก้วกลมใสให้ค่อยๆเคลื่อนเข้าสู่ศูนย์กลางกายตามแนวฐาน โดยเริ่มต้นตั้งแต่ฐานที่หนึ่งเป็นต้นไป น้อมนึกอย่างสบายๆ ใจเย็นๆ ไปพร้อมๆกับคำภาวนา
    อนึ่ง เมื่อนิมิตดวงกลมใสปรากฏแล้ว ณ กลางกาย ให้วางอารมณ์สบายๆกับนิมิตนั้น จนเหมือนกับว่าดวงนิมิตเป็นส่วนหนึ่งของอารมณ์ หากดวงนิมิตนั้นอันตรธานหายไป ก็ไม่ต้องนึกเสียดาย ให้วางอารมณ์สบาย แล้วนึกนิมิตนั้นขึ้นมาใหม่แทนดวงเก่า หรือเมื่อนิมิตนั้นปรากฏที่อื่นที่ไม่ใช่ศูนย์กลางกาย ให้ค่อยๆน้อมนิมิตเข้ามาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีการบังคับ และเมื่อนิมิตมาหยุดสนิท ณ ศูนย์กลางกาย ให้วางสติลงไปยังจุดศูนย์กลางของดวงนิมิต ด้วยความรู้สึกคล้ายมีดวงดาวดวงเล็กๆอีกดวงหนึ่ง ซ้อนอยู่ตรงกลางดวงนิมิตดวงเดิม...
    แล้วสนใจเอาใจใส่แต่ดวงเล็กๆตรงกลางนั้นไปเรื่อยๆ ใจจะปรับจนหยุดได้ถูกส่วน เกิดการตกศูนย์และเกิดดวงสว่างขึ้นมาแทนที่ ดวงนี้เรียกว่า ดวงธรรม หรือ ดวงปฐมมรรค อันเป็นประตูเบื้องต้นที่จะเปิดไปสู่หนทางแห่งมรรคผลนิพพาน การระลึกนึกถึงนิมิตสามารถทำได้ในทุกแห่งทุกที่ทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะนั่ง นอน ยืน เดิน หรือขณะทำภารกิจใดๆ

ข้อแนะนำในการนั่งสมาธิ  

    ข้อแนะนำ คือ ต้องทำให้สม่ำเสมอเป็นประจำ ทำเรื่อยๆ ทำอย่างสบายๆ ไม่เร่ง ไม่บังคับ ทำได้แค่ไหนให้พอใจแค่นั้น ซึ่งจะเป็นการป้องกันมิให้เกิดความอยากจนเกินไป จนถึงกับทำให้ใจต้องสูญเสียความเป็นกลาง และเมื่อการฝึกสมาธิบังเกิดผลจนได้ดวงปฐมมรรค ที่ใสเกินใส สวยเกินสวย ติดสนิทมั่นคงที่ศูนย์กลางกายแล้ว ให้หมั่นตรึกระลึกถึงอยู่เสมอ
    อย่างนี้แล้ว ผลแห่งสมาธิจะทำให้ชีวิตดำรงอยู่บนเส้นทางแห่งความสุข ความสำเร็จ และความไม่ประมาทตลอดไป ทั้งยังจะทำให้สมาธิละเอียดลุ่มลึกไปตามลำดับอีกด้วย

เทคนิคเบื้องต้นในการนั่งสมาธิ 

 1. หลับตาเบาๆ ผนังตาปิด 90%
2. อย่าบังคับใจ เพียงตั้งสติ วางใจเบาๆ ณ ศูนย์กลางกาย กำหนดนิมิตเป็น...
ดวงแก้วใสๆ...เบาๆ
องค์พระใสๆ...เบาๆ
ลมหายใจ เข้า-ออก...เบาๆ
อาการท้อง พอง-ยุบ...เบาๆ
เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง
3. กำหนดนิมิต นึกนิมิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นกุศโลบายล่อใจให้เข้ามาตั้งมั่นในกาย
4. เมื่อใจเข้ามาหยุดนิ่งในกาย การกำหนดนิมิตก็หยุดโดยอัตโนมัติ
5. รับรู้การเปลี่ยนแปลงภายในกายและจิตใจ ด้วยความสงบ
6. อยู่ในความดูแลของกัลยาณมิตรอย่างใกล้ชิด


หลักการฝึกสมาธิ (การนั่งสมาธิ)

      1. น้อมใจมาเก็บไว้ ณ ศูนย์กลางกาย แต่ละครั้งเก็บใจไว้ให้นานที่สุด จนกระทั่งกลายเป็นนิสัยมีใจตั้งมั่นภายใน
    2. มีสติกำกับใจตลอดเวลา ทำให้ระลึกรู้ตัวอยู่เสมอ ไม่ยินดียินร้ายในเวลาเห็นรูป ฟังเสียง ดมกลิ่น ลิ้มรส สัมผัส รู้ธรรมารมณ์ใดๆ (เช่น ในคำสรรเสริญ เยินยอ ยศศักดิ์ ชื่อเสียง ฯลฯ)
      3. ตั้งใจฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอ และตรงเวลาเป็นประจำ
     4. มีอาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถจริง คอยควบคุม ให้คำแนะนำ อย่างใกล้ชิด
7 bases ของการนั่งสมาธิ 


ประโยชน์ของการนั่งสมาธิ

1. การนั่งสมาธิผลต่อตนเอง คือ

       1.1 ด้านสุขภาพจิต
             - ส่งเสริมให้คุณภาพของใจดีขึ้น คือ ทำจิตใจ ผ่องใส สะอาด บริสุทธิ์ สงบ เยือกเย็น ปลอดโปร่ง โล่ง เบา สบาย มีความจำ และสติ ปัญญาดีขึ้น
             - ส่งเสริมสมรรถภาพทางใจ ทำอะไรคิดอะไรได้รวดเร็ว ถูกต้อง เลือกคิดแต่ในสิ่งที่ดีเท่านั้น
        1.2 ด้านพัฒนาบุคลิกภาพ
              - จะเป็นผู้มีบุคลิกภาพดี กระฉับกระเฉง กระปรี้กระเปร่า มีความองอาจสง่าผ่าเผย มีผิวพรรณผ่องใส
              - มีความมั่นคงทางอารมณ์ หนักแน่น เยือกเย็นและเชื่อมั่นในตนเอง
              - มีมนุษยสัมพันธ์ดี วางตัวได้เหมาะสมกับเทศกาลเทศะเป็นผู้มีเสน่ห์ เพราะไม่มักโกรธ มีความเมตตากรุณาต่อบุคคลทั่วไป
        1.3 ด้านชีวิตประจำวัน
              - ช่วยให้คลายเครียด เป็นเครื่องเสริมประสิทธิภาพในการทำงานและการศึกษาเล่าเรียน
              - ช่วยเสริมให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เพราะร่างกายกับจิตใจย่อมมีอิทธิพลต่อกัน ถ้าจิตใจเข้มแข็ง ย่อมเป็นภูมิต้านทานโรคไปในตัว
       1.4 ด้านศีลธรรมจรรยา
             - ย่อมเป็นผู้มีสัมมาทิฏฐิ เชื่อกฎแห่งกรรม สามารถคุ้มครองตนให้พ้นจากความชั่วทั้งหลายได้ เป็นผู้มีความประพฤติดี เนื่องจากจิตใจดี ทำให้ความประพฤติทางกายและวาจาดีตามไปด้วย
            - ย่อมเป็นผู้มีความมักน้อย สันโดษ รักสงบและมีขันติเป็นเลิศ
            - ย่อมเป็นผู้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว ย่อมเป็นผู้มีสัมมาคารวะและมีความอ่อนน้อมถ่อมตน
2. ผลต่อครอบครัว
        2.1 ทำให้ครอบครัวมีความสงบสุข เพราะสมาชิกในครอบครัวเห็นประโยชน์ของการประพฤติธรรม ทุกคนตั้งมั่นอยู่ในศีล ปกครองกันด้วยธรรม เด็กเคารพผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เมตตาเด็ก ทุกคนมีความรักใคร่สามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
       2.2 ทำให้ครอบครัวมีความเจริญก้าวหน้า เพราะสมาชิกต่างก็ทำหน้าที่ของตนโดยไม่บกพร่อง เป็นผู้มีใจคอหนักแน่น เมื่อมีปัญหาครอบครัวหรือมีอุปสรรคอันใด ย่อมร่วมใจกันแก้ไขปัญหานั้นๆ ให้ลุล่วงไปได้
3. การนั่งสมาธิผลต่อสังคมและประเทศชาติ คือ
      3.1 ทำให้สังคมสงบสุข ปราศจากปัญหาอาชญากรรมและปัญหาสังคมสังคมอื่นๆ เพราะปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้นในสังคมไม่ว่าจะเป็นปัญหาการฆ่า การข่มขืน โจรผู้ร้าย การทุจริตคอรัปชั่น ล้วนเกิดขึ้นมาจากคนที่ขาดคุณธรรม เป็นผู้มีจิตใจอ่อนแอ หวั่นไหวต่ออำนาจสิ่งยั่วยวน หรือกิเลสได้ง่าย ผู้ที่ฝึกสมาธิย่อมมีจิตใจที่เข้มแข็ง มีคุณธรรมในใจสูง ถ้าแต่ละคนในสังคมต่างฝึกฝนอบรมใจของตนให้หนักแน่น มั่นคง ปัญหาเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ส่งผลให้สังคมสงบสุขได้
      3.2 ทำให้เกิดควมมีระเบียบวินัย และเกิดความประหยัด ผู้ที่ฝึกใจให้ดีงามด้วยการทำสมาธิอยู่เสมอ ย่อมเป็นผู้รักมีระเบียบวินัย รักความสะอาด มีความเคารพกฎหมายของบ้านเมือง ดังนั้นบ้านเมืองเราก็จะสะอาดน่าอยู่ ไม่มีคนมักง่ายทิ้งขยะลงบนพื้นถนน จะข้ามถนน ก็เฉพาะตรงทางข้าม เป็นต้น เป็นเหตุให้ประเทศชาติไม่สิ้นเปลืองงบประมาณ เวลาและกำลังเจ้าหน้าที่ ที่ต้องใช้ไปในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากความไม่มีระเบียบวินัยของประชาชน
      3.3 ทำให้สังคมเจริญก้าวหน้า เมื่อสมาชิกในสังคมมีสุขภาพจิตดีรักความเจริญก้าวหน้า มีประสิทธิภาพ ในการทำงานสูง ย่อมส่งผลให้สังคมเจริญก้าวหน้าตามไปด้วย และเมื่อมีกิจกรรมของส่วนรวม สมาชิกในสังคมก็ย่อมพร้อมที่จะสละความสุขส่วนตน ให้ความร่วมมือกับส่วนรวมอย่างเต็มที่ แม้มีผู้ไม่ประสงค์ดีต่อสังคมมายุแหย่ให้เกิดความแตกแยก ก็จะไม่เป็นผลสำเร็จ เพราะสมาชิกในสังคมเป็นผู้มีจิตใจหนักแน่น มีเหตุผล และเป็นผู้รักสงบ
4. การนั่งสมาธิผลต่อศาสนา คือ
      4.1 ทำให้เข้าใจพระพุทธศาสนาได้อยางถูกต้องและรู้ซึ้งถึงคุณค่าของพระพุทธศาสนา รวมทั้งรู้เห็นด้วยตัวเองว่าการฝึกสมาธิไม่ใช่เรื่องเหลวไหลหากแต่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้พ้น ทุกข์เข้าสู่นิพพานได้
      4.2 ทำให้เกิดศรัทธาตั้งมั่นในพระรัตนตรัย พร้อมที่จะเป็นทนายแก้ต่างให้กับพระศาสนา อันจะเป็นกำลังสำคัญในการเผยแพร่การปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง ให้แพร่หลายไปอย่างกว้างขวาง
       4.3 เป็นการสืบอายุพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองตลอดไป เพราะตราบใดที่พุทธศาสนิกชน ยังตั้งใจปฏิบัติธรรม เจริญภาวนาอยู่ พระพุทธศาสนาก็จะเจริญรุ่งเรืองอยู่ตราบนั้น
      4.4 จะเป็นกำลังส่งเสริมทะนุบำรุงศาสนา เพราะเมื่อเข้าใจซาบซึ้งถึงประโยชน์ของการปฏิบัติธรรมด้วยตนเองแล้ว ย่อมจะชักชวนผู้อื่นให้ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาตามไปด้วย เมื่อใดที่ทุกคนในสังคมตั้งใจปฏิบัติธรรม ทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา เมื่อนั้นย่อมหวังได้ว่าสันติสุขที่แท้จริงจะบังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน 
Peace Position การนั่งสมาธิการนั่งสมาธิ


ข้อควรระวังในการนั่งสมาธิ

1. อย่าใช้กำลัง คือ ไม่ใช้กำลังใดๆทั้งสิ้น เช่น ไม่บีบกล้ามเนื้อตา เพื่อจะให้เห็นนิมิตเร็วๆ ไม่เกร็งแขน ไม่เกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง ไม่เกร็งตัว ฯลฯ เพราะการใช้กำลังตรงส่วนใดของร่างการก็ตาม จะทำให้จิตเคลื่อนจากศูนย์กลางกายไปสู่จุดนั้น
2. อย่าอยากเห็น คือ ทำใจให้เป็นกลาง ประคองสติมิให้เผลอจากบริกรรมภาวนา และบริกรรมนิมิต ส่วนจะเห็นนิมิตเมื่อใดนั้น อย่ากังวล ถ้าถึงเวลาแล้วย่อมเห็นเอง การบังเกิดของดวงนิมิตนั้น อุปมาเสมือนการขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ เราไม่อาจจะเร่งเวลาได้
3. อย่ากังวลถึงการกำหนดลมหายใจเข้าออก เพราะการฝึกสมาธิเพื่อให้เข้าถึงพระธรรมกายภายใน อาศัยการนึกถึง อาโลกกสิณ คือ กสิณความสว่าง เป็นบาทเบื้องต้น
4. เมื่อเลิกจากนั่งสมาธิแล้ว ให้ตั้งใจไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ดที่เดียว ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใดก็ตาม เช่น ยืน เดิน นอน หรือนั่ง อย่าย้ายฐานที่ตั้งจิตไปไว้ที่อื่นเป็นอันขาด ให้ตั้งใจบริกรรมภาวนา พร้อมกับนึกถึงบริกรรมนิมิตเป็นดวงแก้วใส หรือองค์พระแก้วใส ควบคู่กันไปตลอด
5. นิมิตต่างๆที่เกิดขึ้น จะต้องน้อมไปตั้งไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ดทั้งหมด ถ้านิมิตเกิดขึ้นแล้วหายไป ก็ไม่ต้องตามหา ให้ภาวนาประคองใจต่อไปตามปกติ ในที่สุดเมื่อจิตสงบ นิมิตย่อมปรากฏขึ้นมาใหม่อีก


    การฝึกสมาธิเบื้องต้น (การนั่งสมาธิ) เท่าที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ย่อมเป็นปัจจัยให้เกิดความสุขได้พอสมควร เมื่อซักซ้อมปฏิบัติอยู่เสมอๆไม่ทอดทิ้ง จนได้ดวงปฐมมรรคแล้ว ก็ให้หมั่นประครองรักษาดวงปฐมมรรคนั้นไว้ตลอดชีวิต ดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอันดี ย่อมเป็นหลักประกันได้ว่า ได้ที่พึ่งของชีวิตที่ถูกต้องดีงาม ที่จะส่งผลให้เป็นผู้มีความสุขความเจริญ ทั้งในภพชาตินี้และภพชาติหน้า เด็กเคารพผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เมตตาเด็ก ทุกคนมีความรักใคร่สามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน หากสามารถแนะนำต่อๆกันไป ขยายไปยังเหล่ามนุษยชาติอย่างไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา และเผ่าพันธุ์ สันติสุขอันไพบูลย์ที่ทุกคนใฝ่ฝัน ก็ย่อมบังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน 



ที่มา...http://www.dmc.tv/pages/meditation/meditation06.html

Subscribe to RSS Feed Follow me on Twitter!