วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2557




ตะโก้





เนื่องจากห้องของดิฉัน ม.6/10 ได้เรียนวิชาการงานเกี่ยวการทำขนมไทย ซึ่งพวกเราก็ได้ทำขนม"ตะโก้" ดิฉันจึงนำเอา วิธีการทำและส่วนประกอบต่างๆมาให้ผู้ที่ต้องการทำ"ตะโก้"รับประทานเอง เป็นของขวัญในโอกาสต่างๆหรือประกอบอาชีพ




ตะโก้ เป็นขนมที่มีส่วนผสม คือแป้งกะทิและน้ำตาลทรายเป็นหลัก ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ตัวขนมเป็นแป้งและน้ำตาล และส่วนหน้าขนมเป็นกะทิ แป้งและเกลือส่วนผสมของตัวขนมสามารถผสมวัตถุดิบ อื่นเพื่อให้เกิดรสชาติที่หลากหลาย เช่น แห้วข้าวโพด เผือกหรือจะเพิ่มสีเขียวของใบเตย และมีชื่อเรียกตาม วัตถุดิบที่ผสมลงไป เช่น ตะโก้แห้ว ตะโก้เผือก เป็นต้น




วิธีทำกระทงใบเตย
วัสดุอุปกรณ์
1. ใบเตย
2. ด้ายสีเขียวหรือแม็กเย็บ
3. เข็มมือเบอร์ 9
4. กรรไกร

วิธีทำ

1. เลือกใบเตยใบสวย ๆ ตัดปลายออกแล้วแบ่งเป็นช่อง ๆ ละ 1 นิ้ว 5 ช่อง แล้วขลิบตามเส้นประให้ถึงกลางเส้นใบ ทุกช่อง
2. พับทบช่องขวาหักมุมให้ลิ้นที่ 2 ทับลิ้นที่ 1
3. หักมุมต่อไปให้ลิ้นที่ 3 ทับลิ้นที่ 2 และลิ้นที่ 4 ทับลิ้นที่ 3 สุดท้ายให้ลิ้นที่ 1 ทับลิ้นที่ 4
4. ส่วนลิ้นที่ 5 จับขัดเข้ามาอยู่ด้านในกระทง แล้วเย็บตรึงตอกจัน 2 ดอก ทั้งมุมบนและมุมล่าง


ปริมาณที่ได้
จำนวน 1 ถาดขนาด 12 x 12 นิ้ว

ส่วนประกอบและเครื่องปรุงตะโก้ข้าวโพด
1. น้ำลอยดอกมะลิ  5 ถ้วย
2. แป้งข้าวเจ้า  1 ถ้วย
3. แป้งมัน 1/2 ถ้วย
4. แป้งถั่วเขียว 1/3 ถ้วย
5. ข้าวโพดต้มสุก ฝานลึกๆ  2 1/2 ขีด (หากไม่มีสามารถใช้แห้ว หรือเผือกแทนได้นะคะ)
6. น้ำตาลทราย 3 1/2 ถ้วย
7. น้ำใบเตยเข้มๆ 1/3 ถ้วย
ส่วนประกอบและเครื่องปรุงหน้าตะโก้ข้าวโพด
1. กะทิ (ข้นๆหน่อย แต่ไม่ถึงกับเป็นหัวกะทิ) 5 ถ้วย
2. แป้งข้าวเจ้า 1 1/3 ถ้วย
3. เกลือป่น 1 1/2 ชต.
ขั้นตอนและวิธีทําตะโก้ข้าวโพด
1. เริ่มต้นผสมแป้ง 3 ชนิด (แป้งข้าวเจ้า , แป้งมัน และแป้งถั่วเขียว) เข้าด้วยกันในกระทะทองหรือหม้อนะคะ แล้วก็ค่อยๆรินน้ำใส่ลงไปในแป้ง 1 ถ้วยก่อนค่ะ คนให้เข้ากันจนแป้งละลาย ไม่จับเป็นก้อน
2. เติมน้ำที่เหลือทั้งหมดลงไป คนให้เข้ากันแล้วก็ตามด้วยน้ำตาลทรายทั้งหมดเทใส่ลงไปเลยค่ะ และคนให้เข้ากันจนน้ำตาลละลาย
3. จากนั้นเติมน้ำใบเตยคั้นเข้มข้นลงไปค่ะ แล้วก็คนให้เข้ากัน
4. นำขึ้นตั้งไฟกลาง ระหว่างรอเดือดกวนไปเรื่อยๆเป็นระยะค่ะ ประมาณ 30 นาที แป้งก็จะสุกใส และสีเขียวสวยขึ้น (ห้ามปล่อยไว้เฉยๆรอเดือด โดยไม่กวนเป็นระยะๆเด็ดขาด เพราะไม่งั้นแป้งมันจะสุกเป็นก้อนใสๆค่ะ)
5. เทข้าวโพดที่ต้มสุก และฝานเป็นเม็ดๆลงไปเลยค่ะ คนให้พอเข้ากัน แล้วก็จัดการลดไฟลงให้เหลืออ่อนที่สุด เพื่อเตรียมตัวที่จะหยอดตัวตะโก้ลงกระทงค่ะ
ข้อแนะนำ : เหตุผลที่เราตั้งกระทะที่มีตัวตะโก้อยู่บนเตาไฟที่เปิดไฟอ่อนมากๆ เพราะว่าหากอุณหภูมิกระทะเย็นลงจะส่งผลทำให้ตัวตะโก้แข็งตัวไวขึ้น ทำให้หยอดยากขึ้น เพราะฉะนั้นเราก็ต้องเปิดไฟอังกระทะไว้ให้ร้อนหน่อย ตัวตะโก้จะได้ไม่แข็งตัวค่ะ
6. ตักตัวตะโก้หยอดลงกระทงใบเตย หรือภาชนะที่เตรียมไว้เลยค่ะ หยอดให้ได้ประมาณ 1/2 ของกระทงใบเตย (ระหว่างหยอด อย่าลืมกวนเป็นระยะๆ เพื่อกันก้นกระทะไหม้นะคะ) พักไว้ก่อนนะคะ หันมาทำหน้าตะโก้กันค่ะ
7. เริ่มทำหน้าตะโก้นำแป้งข้าวเจ้าใส่ลงในกระทะทองหรือหม้อแล้วก็เทน้ำกะทิใส่ลงไป 1 ถ้วยค่ะ จากนั้นคนให้แป้งละลาย ไม่เป็นเม็ด
8. ใส่เกลือ และเติมน้ำกะทิที่เหลือลงไป คนให้เข้ากันจนเกลือละลาย แล้วก็นำขึ้นตั้งไฟกลางค่ะ จากนั้นก็กวนไปเรื่อยๆ จนแป้งสุก และส่วนผสมจะเริ่มข้นได้ที่ (ห้ามใช้ไฟแรงหน้ากะทิจะแตกมันค่ะ)9. พอกวนได้ที่แล้วให้ลดไฟลงเหลือไฟอ่อนสุด จากนั้นหยอดหน้าตะโก้ได้เลยค่ะ โดยเวลาหยอดหยอดให้พอดีกับของกระทงหรือนูนเหนือขอบกระทงขึ้นมาหน่อยก็ได้นะคะ (ระหว่างหยอด อย่าลืมกวนเป็นระยะๆ เพื่อกันก้นกระทะไหม้นะคะ) เมื่อหยอดเสร็จก็พร้อมเสิร์ฟรับประทานกันแล้วค่ะ หรือทิ้งไว้ให้หน้าตะโก้แข็งได้ที่สักเล็กน้อยก็อร่อยได้ทั้งครอบครัวแล้วค่ะ





                              








 






 ที่มาของเนื้อหา...http://www.isaansmile.com/kahnomthai/14.php
                             http://www.mythaimenu.com/


 ที่มารูปภาพ...นักเรียนชั้นม.6/10 โรงเรียนอำนาจเจริญ



Categories:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Subscribe to RSS Feed Follow me on Twitter!